หน้าเว็บ

อ่าวพังงา ทะเล ถ้ำ เกาะ

Pang-Nga bay

.....



ทำงานอยู่แถวภูเก็ตสบาย ๆ คนรู้จักกันจากต่างจังหวัดเดินทางมาพังงา โทรมาบอกว่าจะไปเที่ยวทะเล อยากไปนั่งเรือชมเกาะ บังเอิญมีคนอยู่ในพื้นที่ตรงนั้น รับราชการแถว ๆ อ.ตะกั่วทุ่ง ติดต่อประสานงานพรรคพวกของเขาที่มีเรือ และชำนาญการนำเที่ยวเอาไว้แล้ว ก็ไม่รอช้า รีบเดินทางจากภูเก็ต ขับรถไม่นาน ลงจากสะพานสารสินนิดเดียว เลี้ยวเข้าไปตรงทางแยกไกล้ ๆ วัดท่านุน มุ่งหน้าไปหาท่าเรือคลองหิน ก็ประมาณอีก 30 กิโลฯ (กิโลเมตรนะ ไม่ใช่กิโลกรัม)

ไปถึงก็มีเรือที่ติดต่อไว้ มาจอดรออยู่ เป็นรอของชาวบ้านในพื้นที่แถวนั้น ค่าเรือคิดเพิ่มเป็นพิเศษเพราะเป็นคนกันเอง !!!...ฮิ ฮิ

ขณะขนสัมภาระลงเรือ ทุกคนตื่นเต้น เห็นเกาะอยู่ลิบ ๆ เกาะนั้นมีชื่อว่า "เกาะละวะ" แต่ชื่อเต็มคือ เกาะละวะใหญ่ เป็นที่ตั้งของ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ อ่าวพังงา (เกาะละวะใหญ่)


.....




เอาเข้าจริงนั่งเรือไม่นานก็ถึงเกาะ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที พวกเราเกิดอาการอึ้ง ทำไมจึงไกล้...อ๋อ ก็เพราะเกาะมันเล็กนิดเดียว ทีแรกมองดูเหมือนจะอยู่ไกล เอาเข้าจริงห่างจากท่าเรือประมาณ กิโลเดียวเอง

ถึงเกาะก็ขนสัมภาระที่เอามาลงจากเรือ จัดเตรียมที่พัก หลายคนพอใจที่จะกางเต็นท์นอนกัน โดยเฉพาะพวกผู้ชาย และที่เป็นคุ๋หนุ่มสาว จะได้เป็นส่วนตัว แต่สำหรับอีกหลายคนที่ไม่มีเต็นท์ หรืออยากนอนในห้องหับที่แข็งแรง ก็เข้าพักในห้องพักของหน่วยฯ ที่เขาปลูกสร้างเอาไว้ แต่จ่ายตังค์นะ ไม่ได้พักฟรี

จ้ดของเสร็จ ก็มานั่งรวมกันบริเวณสนามหญ้าไกล้ ๆ ห้องพัก ซึ่งเป็นพื้นที่หน้าเกาะ จะหันหน้าไปทางทิศตะวันตก รอ ครับ รอ ... รอให้ถึงเวลาดวงอาทิตย์ตกดิน จะเห็นดวงอาทิตย์มุดดิน ไปใต้เกาะภูเก็ต ไม่เคยเห็นจริง ๆ เพราะเคยแต่ไปดูอาทิตย์ตกน้ำที่แหลมพรหมเทพ



ช่วงเวลาที่รอ ก็เดินเล่นริมหาดกับก่อน เพื่อชมความสวยงามรอบ ๆ เกาะ ที่จริงเราสามารถเดินรอบเกาะได้สบาย ๆ แต่บางจุดอาจจะทุลักทุเลหน่อย เพราะเป็นแนวโขดหิน สลับกับหาดทราย เป็นระยะ ๆ



ส่วนคนที่ทำอาหารเก่ง ๆ อายุเยอะ ไม่อยากเดินสักเทาไหร่ ก็เตรียมของกินกันไป ทานกันไป คุยกันไป สนุกดี คนที่ไปเดินเล่นกลับมา ก็เริ่มกิน และเริ่ม ก๊ง แต่บอกไว้นิดว่าอาหารการกินบนเกาะหายาก มีแต่ขนมถุงเท่านั้น อย่างอื่นต้องเตรียมมาเอง โดยเฉพาะน้ำแข็งสำหรับพวกชอบของเย็น มาเที่ยวที่นี่ลำบากหน่อย

.....




การนอนในเต็นท์ ถ้านอนเป็นคู่จะรู้สึกอบอุ่นเป็นพิเศษ แต่นอนเดี่ยวนี่หนาวมาก ๆ ส่วนพวกชอบเมาลืมปิดตาข่ายกันยุงของเต็นท์รับรองได้ ตื่นมามีแต่คันกับคัน

อากาศยามเช้าบนเกาะละวะ เย็นสบาย ลมเบา ๆ พัดโชย ต่างกับเมื่อตอนกลางคืนหนาวเย็นมาก แสงแดดอ่อน ๆ เริ่มส่อง ทำให้เห็นหาดทรายหน้าเกาะที่ขายสะอาด ยิ่งขาวเด่นชัดสะอาดตามากขึ้น



บางช่วงของหาดที่มีระดับน้ำคงที่อยู่นาน ๆ จะเกิดริ้วรอยบนผืนทรายที่เกิดจากระลอกคลื่นเล็ก ๆ พัดพาเม็ดทรายมาทับถมกันเป็นแนว ดูสวยงามแปลกตามาก




สิ่งมีชีวิต สัตว์ทะเลที่อาศัยอยู่บริเวณน้ำตื้น ๆ ก็มีให้เห็นมากมาย ทั้งปลา หอย ปู หรือแม้แต่ปะการังบางชนิด


.....




สายหน่อย หลังจากรับประทานอาหารเช้า เรือก็มารับพวกเรา เดินทางไปเที่ยวยังเกาะต่าง ๆ ในอ่าวพังงา (จะว่าเดินทางก็ไม่ได้ ที่จริงต้องบอกว่า นั่งเรือ มากกว่า) เกาะแรกที่แวะ คือ เกาะพนัก ที่นี่ลงจากเรือใหญ่ ไปต่อด้วยเรือแคนู ที่เขามีบริการให้เช่า แต่ละคนพายไม่เก่งหรอก อาศัยว่าแรงเยอะ ตื่นเต้น ที่ได้เที่ยว จึงยอมเหนื่อย
เกาะพนัก ที่เที่ยวเด่น ๆ ต้องที่นี่ ถ้ำลอด คือต้องภายเรือลอดก้อนหิน ทางแคบ ๆ ภายในเกาะน้ำจะตื้นมาก บางช่วงต้องลงจากเรือ แล้วช่วยกันดันเรือไปข้างหน้า เพราะท้องเรือติดกับพื้นทราย แล้วจึงภายต่อไปได้ แต่บางช่วงก็ลึกจนมองไม่เห็นพื้นทรายใต้น้ำ
(เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปตอนพายเรือลอดถ้ำ ทางเข้ามาด้วย)




เข้าไปข้างในตัวเกาะ ซึ่งเป็นเหมือนกับอ่าว ตรงกลางเกาะ ล้อมรอบไปด้วยหน้าผาชัน มีต้นไม้ปกคลุมหนาแน่น ส่วนด้านล่างจะเต็มไปด้วยต้นโกงกางหลากหลายขนาด พืชชนิดต่างๆ ที่หายากมาก ๆ ขึ้นตามโขดหิน หลายคนคิดอยากจะเก็บ หรือขุดมาปลูกบริเวณบ้าน เช่น จันผา จันแดง ว่านหางช้าง และที่เด่นอีกอย่างคือฝูงลิงที่หากินอยู่บนเกาะพนัก เมื่อนักท่องเที่ยวพายเรือเข้าไปในเกาะนี้ พวกมันจะออกมาห้อยโหนกิ่งไม้ที่อยู่เหนือพื้นน้ำ เพื่อทักทาย และมารับอาหารจากนักท่องเที่ยว



เมื่อล่องเรือมาอีกด้านของเกาะห่างจากจุดแรกไม่มากนัก จะเป็นจุดที่เราจะได้สัมผัสความงามของหินงอกหินย้อย ภายในถ้ำ ใครจะไปคิดว่าออกมากลางทะเลอย่างนี้ จะมีหินงอกหินย้อยสวยงามให้ชม ตรงนี้มีที่ให้จอดเรือค่อนข้างแคบ เพราะน้ำลึก และเป็นอ่าวเล็ก ๆ หาดก็นิดเดียวยาวไม่ถึง 100 เมตร



การเข้าถ้ำก็ต้องมีการปีนป่ายกันนินหน่อย แต่สิ่งสำคัญที่ต้องติดต้ว คือไฟฉาย เมื่อเข้าถ้ำไปแล้วมืดมาก ๆ ควรจะเดินตาม ๆ กันไปอย่าให้ห่าง เพราะเส้นทางภายในมีแต่ก้อนหิน ทางเดินไม่ราบเรียบและลื่นด้วย เพราะความชื้นสูง







.....




เกาะห้อง เป็นแนวของภูเขา ที่ขึ้นเป็นหน้าผา กั้นเป็นผนังเอาไว้สองด้าน และตรงกลางก็เป็นเกาะเล็ก เมื่อล่องเรือแคนูเข้าไป จะเห็นแต่หน้าผาล้อมรอบ น้ำทะเลข้างในไม่ลึกมากนัก มีปะการังให้ดูด้วย แต่ทริปนี้เราไม่ได้เตรียมตัวไปดำน้ำ เราแค่นั่งเรือเท่านั้น


.....




และที่โดดเด่นของจังหวัดพังงา กลายเป็นสัญลักษณ์ไปแล้ว คือ เกาะตะปู หรือบางคนเรียกว่า เขาตะปู และชื่อใหม่เรียกตาม ๆ กันคือ เกาะเจมส์บอนด์ แต่เราเอาเรือไปจอดและเดินเล่นที่เกาะตะปูไม่ได้ เพราะมันโด่อยู่กลางน้ำ ไม่มีที่ให้เดิน ทำได้แค่ถ่ายรูปเป็นฉากหลังแค่นั้นเอง ดังนั้นต้องไปเดินบริเวณที่เขาเรียกว่า เขาพิงกัน ซึ่งมีหาด และร้านค้าขายของเยอะพอสมควร ผู้คนจะพลุกพล่านนิดหน่อย



เขาว่า เขาพิงกัน เกิดจากการหินของภูเขานี่แหละ แตก ออกเป็นสองส่วน เป็นเส้นตรง แล้วส่วนหนึ่งเกิดการทรุดตัวของฐานที่อยู่ลึกลงไป และแยกออกห่างกันนิดนึง ทำให้ส่วนบนของอันที่ทรุดเองมาพิงของอีกอันที่ยังตั้งตรงอยู่




และนี่ก็เป็นอีกด้านหนึ่งของเขาพิงกัน มีหน้าผา มีหาด และท่าเรือ (ด้านตะวันตก) ไม่ค่อยจะเห็นใครเขาไปถ่ายรูปกัน ก็เลยเก็บมาฝาก



ที่เห็นลิบ ๆ นั่น เป็นเรือที่พวกเรานั่งมาตั้งแต่เกาะละวะ
.....



ขากลับ ก็แวะอีกนิด เพราะเวลายังเหลืออยู่ เป็นถ้ำกลางทะเลเหมือนกัน เอาเรือเข้าไปจอดบนหาดทรายในถ้ำได้เลย แต่จอดได้ประมาณ 3 ลำ ก็เต็มปากถ้ำแล้ว ภายในถ้ำจะมีก้อนหินรูปร่างต่าง ๆ เกิดจากหินงอก และหินย้อย ความสวยงาม และจำนวน สู้ที่เกาะพนักไม่ได้
(เกาะนี้ไม่ทราบว่าชื่ออะไร จำไม่ได้ แต่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเขาตะปู ดูใน google earth แล้วกัน)




.........
.......
.....
...
.





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น