"ระยะหลังมานี่ เธอเล่น facebook ถี่ขึ้น เรียกว่าแทบจะทั้งวันเลย ว่างเป็นไม่ได้ เป็นต้องมาอัพเดตตลอด" เพื่อนบอก
"เล่นกันที่ไหน ที่บ้านเหรอ" ผมถาม
"เออ กูอยู่บ้าน เข้าสวน เพราะไม่มีเงินเดือนแล้ว แต่เมียกูช่วงว่างไม่ได้หาลูกค้าก็อยู่ที่บ้านด้วย" เพื่อนตอบ
"แล้วมึงไม่เตือนเขาบ้างล่ะ" ผมเสนอแนะ
"เคยบอกแล้ว อย่าติดเฟสบุ๊กให้มาก ไม่ใช่ทำอะไรนิดอะไรหน่อย ว่างก็มาอัพเฟส ออกไปคุยกับคนข้างบ้านซะบ้าง" เพื่อนบอก
"แต่ยังไม่เลิกล่ะสิ" ผมย้ำถาม
"ก็ใช่นะสิ..เล่นที่บ้านกับเครื่องคอมฯ น้อยลง แต่ยังไปเล่นกับโทรศัพท์มือถืออีก..ว่างเป็นไม่ได้ ต้องยกขึ้นมาเข้าเว็บตลอด หนักกว่านั่งอยู่หน้าคอมฯเสียอีก..กูรำคาญว่ะ..ไม่ว่าจะในรถ, ร้านกาแฟ แทบจะไม่ได้คุยกับกูแล้ว สนใจอยู่แต่เฟสบุ๊ก" เพื่อนบรรยายเห็นภาพ
"แล้วงานการไม่เสียหายเหรอ" ผมถาม
"งานเขาก็ทำเสร็จดีอยู่ เพราะเขาเป็นคนเก่ง ลูกค้าก็ชอบ เจ้านายก็รัก..ต่างกับกู..งานไม่มี รายได้ก็ไม่พอ..เดือนนี้ทั้งเดือนต้องใช้เงินเมียหมดเลย ของกูที่เก็บไว้หมดไม่เหลือแล้ว" เพื่อนบ่น
"นี่ใช่มั๊ย ที่มึงกลัว..มึงกลัวว่าเมียจะมีข้อต่อรอง และอยู่เหนือมึง" ผมถามตรง ๆ
"ก็ใช่เรื่องนี้ด้วย เพราะในสายตาคนรอบข้างตอนนี้ เขามองกูเป็นคนไม่ได้เรื่องไปแล้ว งานโน้นที งานนี้ที มีแต่ค่าใช้จ่าย รายได้ไม่มี ถ้าไม่มีเมียคงเอาตัวไม่รอด..เขามองกูอย่างนั้นจริง ๆ " เพื่อนน้อยใจ
"แล้วคนที่เป็นกิ๊กกับเมียมึง เขาเป็นไง ทำงานอะไร อยู่ที่ไหน" ผมถาม
"กูไม่รู้รายละเอียดหรอก เพราะไม่ได้ิแอดมันเป็นเพื่อน..แต่รู้ว่าทำงานด้านคอมพิวเตอร์ แล้วโสดด้วย..เพราะก่อนหน้านี้เมียก็เคยพูดให้ฟังว่า คนนี้เก่งจัง..อยากคุยด้วย..อยู่เชียงใหม่โน่น" เพื่อนบอก
"ก็แล้วทำไมไม่ถามรายละเอียดมาบ้าง" ผมเสริม
"ไม่หรอก นี่เป็นเพื่อนของเมีย กูไม่เคยก้าวก่าย ไม่เคยสนใจว่าเมียจะคุยกับใคร มีเพื่อนกี่คน และก็ไม่เคยจำ password เข้า facebook ของเมียด้วย..กูไม่ทำ..ให้เกียรติเขา" เพื่อนตอบ
"แล้วมึงรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าเขาเป็นกิ๊กกัน" ผมถาม
"ไม่นานมานี้เอง สักสองสามอาทิตย์ก่อน..มันเริ่มผิดสังเกต..ก่อนหน้านี้ก็นาน ๆ เห็นเขา chat กันสักที แต่ระยะหลัง..ทุกวันเลย..กูจำโลโก้ของไอ้หมอนั่นได้..จำภาพประจำตัวมันได้แม่น เพราะมันไ่ม่เคยเปลี่ยนรูป..เห็นแว็บเดียวก็รู้ว่าใช่คนเดิมแน่..เช้ามาแล้ว สาย ๆ หน่อยก็แช็ท เที่ยงก็แช็ท..ตอนกูขับรถแล้วเมียนั้งข้าง ๆ เล่นกับโน้ตบุ๊ก เหลือบไปเห็นก็แชทอยู่กับมัน " เพื่อนอธิบาย
"แล้วมีอะไรมากไปกว่านั้นมั๊ย ?" ผมถามต่อ
"มี..กูเคยเห็นสิ่งของบางอย่าง เป็นแผ่นคาราโอเกะอยู่ในกระเป๋าเมีย..ถามว่าซื้อหรือได้จากไหน..เมียก็บอกว่่าเื่พื่อนให้มา..เขาโหลดจากเน็ต พอกูถามวาจากใคร..ก็ไม่ตอบ.." เพื่อนบอก
"แล้วมึงรู้ได้ไง ว่าเกี่ยวกับไอ้หมอนั่น" ผมถาม
"บังเอิญว่ะ..มีเพื่อนเก่าที่เคยเรียนด้วยกัน ผู้หญิงนะ..เขารู้จักกับไอ้หมอนั่น..และแอบชอบมันอยู่และอยู่เชียงใหม่ด้วย โทรมาหาเมียกู แล้วบังเอิญกูได้คุยกับเพื่อนคนนี้ด้วย เขาก็แอบบอกกูว่าไอ้หมอนั่นส่งแผ่นซีีดีมาให้เมียกู..ก็ถึงบางอ้อเลยมึง..แน่นอนว่าเขาต้องติดต่อกันมากกว่าทาง facebook แล้ว.." เพื่อนบอก
"เออน่าคิด เป็นไปได้ แต่เพื่อนมึงก็ไม่ได้บอกว่าเป็นแผ่นอะไร" ผมซัก
"ไม่ได้บอก..แต่กูมั่นใจ..ไม่แน่..กูว่าเขาอาจจะแลกเบอร์โทรกันด้วยแล้ว..เพราะช่วงนี้อากาศทางเหนือหนาว..แฟนกูพูดบ่อย ๆ อยากไปเที่ยวเชียงใหม่ อยากไปสัมผัสอากาศหนาว" เพื่อนบอก
"แล้วแปลกตรงไหน" ผมสงสัย
"ก็เมียกูแพ้อากาศเย็น หนาวนิดหน่อย ฝนตกเป็นไม่ได้ บ่นทุกทีว่าหนาว ขนาดนั่งอยู่ในรถ เปิดแอร์ที่ระดับเบาสุด ยังเอาผ้ามาพันคอ ใส่เสื้อแจ๊คเก็ตเลย..จะไม่ให้กูรู้สึกแปลกได้ไง"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น