หน้าเว็บ

น้องหมี เด็กดี ๆ กับงานพิเศษ


น้องหมี หารายได้เลี้ยงตัวเอง ด้วยการหิ้วตะกร้าออกไปขายของกินริมทะเลสาบลำปำ มานานหลายปีแล้ว ตั้งแต่เรียนอยู่อนุบาลจนปัจจุบันน้องหมีเรียนชั้น ป.4 ที่โรงเรียนวัดวิหารเบิก ต.ลำปำ อ.เมือง จ.พัทลุง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้มากนัก 

วัยเด็กอย่างนี้จะมีสักกี่คนที่คิดจะออกมาทำงานเลี้ยงตัวเอง หรือเพื่อหารายได้พิเศษให้มีเงินใช้จ่ายเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ เขา น้อยคนนักที่จะคิดได้ ถึงแม้จะคิดออกแต่ก็คงจะมีน้อยรายนักที่จะลงมือทำจริง ๆ จัง ๆ เพราะอย่างน้องหมีคนนี้เขาทำมานานหลายปีแล้ว และทำอย่างต่อเนื่อง เพราะผมเองมักจะเห็นเขาประจำเมื่อมีเวลามาเที่ยวพักผ่อนริมทะเลสาบแห่งนี้ และมักจะอุดหนุนซื้อขนม ของกินอยู่บ่อย ๆ

แม้รายได้ของน้องหมีจะไม่แน่นอน เพราะแต่ละวันจะได้เงินที่เป็นส่วนแบ่งจากการขายของไม่เท่ากันทุกวัน วันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดที่คนมาพักผ่อนกันเยอะหน่อย สามารถขายของได้ประมาณ 400-1,000 บาทต่อวัน แต่จะไ้ด้รับเป็นเงินส่วนแบ่งประมาณ 20 % ของยอดขาย นั่นคงอยู่ที่ 80 - 200 บาท แต่ถ้าเป็นวันธรรมดาที่ตนเองต้องไปโรงเรียนแล้วมีเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังเลิกเรียน มาขายของจะขายได้ประมาณ 80-100 บาท ก็จะมีเงินเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 20 บาท แต่ก็ใช่ว่าจะขายได้ทุกวัน วันไหนฝนตก หรือพายุเข้าก็หมดสิทธิ์ออกมาขายของ

น้องหมี รับของมาขายจากแม่ค้าในละแวกบ้าน โดยมีคุณย่ารับของมาแล้วพาน้องหมีออกมาขายด้วยกัน แต่ใช่ว่าพื้นที่เล็ก ๆ ที่ใช้ทำมาหากินอยู่นี้จะไม่มีคู่แข่งเสียเลย ยังมีเด็ก ๆ อีกประมาณ 4-5 คนที่วิ่งขายของ และแย่งกันนำเสนอสินค้าเมื่อมีรถแล่นเข้าจอดยังลานจอดรถ จะเห็นพวกเขาวิ่งและหิ้วตะกร้าสินค้าไปอ้อมล้อมแขกผู้มาเยือนอย่างไม่เขินอาย และหว่านคำหวาน ๆ ออกมาจากปากน้อย ๆ ของพวกเขา "ช่วยซื้อขนมหน่อยครับ" "ช่วยซื้อขนมสักชิ้นนะคะ วันนี้ยังไม่ได้สักบาทเลยค่ะ"  บางคนก็ทำหน้าเศร้า ๆ พูดเสียงอ่อย ๆ เพื่อเรียกคะแนนสงสาร ถ้าคนที่ลงจากรถมายังไม่ซื้อก็มักจะยืนหน้าเศร้าอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานพอสมควร 

แต่น้องหมี มักจะไม่ทำอย่างเด็กคนอื่น ๆ เขาบอกว่า ไม่อยากเสียมารยาทกับนักท่องเที่ยว ไม่อยากไปขายที่ประตูรถ เขามองว่าเป็นการกระทำที่ไม่ดี น้องหมีจึกมักจะยืนรออยู่ห่าง ๆ ให้ผู้คนเหล่านั้นเดินมาก่อนจึงเริ่มเสนอขาย หรือใ้ช้วิธีเดินขายตามโต๊ะหิน ตามจุดต่าง ๆ ที่ผู้คนนั่งพักผ่อนกันอยู่ อย่างนี้ความเป็นไปได้ที่ลูกค้าจะซื้อมีมากกว่าไปยืนรอที่รถ

นี่เป็นอีกแง่มุมหนึ่งของเด็ก ๆ ที่ขยันทำมาหากิน ยามว่างจากการเรียน ไม่ได้มัวแต่ดูทีวีหรือวิ่งเล่นอยู่บ้านโน้นบ้านนี้ แต่กลับมาใช้ชีวิตเยี่ยงผู้ใหญ่หาเงินเข้ากระเป๋าไว้เป็นค่าขนมของตนเอง โดยไม่ต้องแบมือขอพ่อแม่ การใช้ชีวิตอย่างนี้ทำให้เด็กมีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น โตขึ้นรู้จักนำประสบการณ์ตอนเด็ก ๆ อย่างนี้ไปใช้และแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้ดีกว่าคนอื่นๆ  แน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น