"ต้าย ตาย นี่น้ำท่วมอย่างนี้ลำบากไม่พอ เดินลุยน้ำไป ดีไม่ดีโดนไอ้เข้กัดจะว่าไงเนี่ย" แนนบ่นพึมพำหลังจากนั่งอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง
"นี่แก..ไหนบอกว่าเบื่อข่าวน้ำท่วม คุ้ยข่าวมาอ่านอยู่ได้ นั่นมันข่าวตั้งหลายวันแล้ว" เพื่อนที่นั่งทำงานอยู่ข้าง ๆ แย้งออกมา
"ก็คนมันกลัวกันเว่อร์ ๆ ทำไมล่ะ แค่จระเข้ตัวเล็ก ๆ น่ะ มันไม่เห็นน่ากลัวเหมือนในหนังหรอก ตื่นตูมจริง ๆ" แนนเสนอเพิ่มเติม
"บ้ารึเปล่า..เข้..นะเพื่อน ไม่ใช่พวก..เฮีย ตัวเล็ก ๆ " เพื่อนขัดคอ
"จระเข้มันโดนขังอยู่ในบ่อ พอน้ำท่วมมันก็ได้ทีออกมาหาอิสระภาพของมันน่ะ จระเข้เลี้ยงไม่น่าจะดุร้ายขนาดนั้น ไม่รู้หากินเองเป็นหรือเปล่า" แนนพูด
"ไอ้เข้ ยังไงก็ยังเป็นเข้ล่ะแก..จะตัวเล็กหรือใหญ่ จะอยู่ในธรรมชาติหรือที่เลี้ยงกันไว้ มันหิวเมื่อไรอาหารของมันคือเนื้อเท่านั้น" เพื่อนบอก
"เนื้ออะไรที่มันชอบกิน" แนนแกล้งถาม
"ก็เนื้อคนอย่างแกไงล่ะ มันน่ากินให้หมดโลกไปเลย" เพื่อนตอบมาไกล้หูแนน
"คิดผิดคิดใหม่ได้นะเข้..ก่อนจะกินเนื้อฉัน..มันเหนียวน่าดู เคี้ยวฉันยากซ์...." แนนบอก
"เข้น่ะมันไม่ต้องเคี้ยวนะเพื่อน แค่ขย้ำ ๆ ด้วยเขี้ยวนิดหน่อยแล้วก็กลืนเข้าท้องไปเลย คนอย่างแกน่ะ น้ำย่อยจระเข้ย่อยไม่ยากหรอก อ้า..อ้า.." เพื่อนพูดพร้อมหัวเราะเย้ย
"นี่ที่หลุดมาจากบ่อต่าง ๆ มันเคยกินใครบ้างไหมเนี่ย" แนนสงสัย
"ไม่เคยได้ข่าวว่ามันกินคนตอนน้ำท่วมนี้น่ะ..แต่มี..แบบทำร้ายคนที่จะไปจับจนได้รับบาดเจ็บ เคยมีเหมือนกัน แค่เจ็บตัวแต่ไม่ถึงตาย..แม้มันจะไม่เคยกินใครก็ดีกว่าปล่อยให้มันไปทำร้ายประชาชนไม่ใช่เหรอ" เพื่อนแสดงความคิดเห็น
"ดีนะแถว ๆ บ้านไม่มีใครคิดพิเรนเลี้ยงจระเข้ ไม่งั้นคงระแวงกันน่่าดู นี่น้ำก็จะมาท่วมบ้านเราแล้วนา..อีกไม่กี่วันถ้่าฝนตกติดต่อกันอย่างนี้มีสิทธิ์ได้หยุดงานชัวร์" แนนพูด
"แหม..แกน่ะคิดแต่จะสบายจริง ๆ นะ ..ต่อให้รัฐบาลประกาศให้ช่วงน้ำท่วมบ้านเราเป็นวันหยุดราชการเหมือนในเขตกรุงเทพฯ ดูท่าไม่น่าจะได้อยู่บ้านอย่างสบายใจหรอก ลูกจ้างอย่างเราถ้าไม่ได้ทำงาน ไม่มีเงินเดือนจะเอาอะไรกิน ได้แค่เดือน ๆ นึงยังไม่ค่อยพอเลย ยิ่งช่วงน้ำท่วมค่าใช้จ่ายเยอะจะตาย" เพื่อนบ่นบ้าง
"เยอะยังไงนอนอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่เห็นต้องเดินทางไปไหนเลย" แนนตอบ
"แน่ใจรึเพื่อน..ว่าจะนอนอยู่เฉย ๆ ได้..ของกินของใช้ยังต้องซื้อหา ยิ่งเราหากินเอง ปลูกผัก หาปลาเองไม่ได้ต้องซื้ออย่างเีดียว ช่วงน้ำท่ามข้าวของแพงจะตาย หาซื้อก็ยากด้วย ยิ่งไม่มีเงินลำบากหนักเข้าไปอีก" เพื่อนบอก
"แล้วยิ่งคนอย่างแก ได้เข้ชอบมาก ๆ ด้วยสิ..จะเดินลุยน้ำไปหาของกิน..กล้่าพอรึเปล่า." เพื่อนเสริมมาอีก
"ก็บอกแล้วไงว่าบ้านเราไม่มีเข้ กลัวทำไม" แนนเริ่มฉุน
"ใครบอกล่ะ ได้ข่าวว่าเิริ่มมีคนเลี้ยงกันแล้วด้วยนะ..โดยเฉพาะคนที่มีฟาร์มไก่ หันมาสนใจสร้างบ่อจระเข้บ้างแล้ว เพราะไม่ต้องหาอาหารเข้จากไหนเลย ก็เอาไก่ที่ตายในฟาร์มนั่นล่ะมาให้เข้กิน..ประหยัดค่าอาหารได้เยอะ" เพื่อนอ้างเหตุผล
"จริงเปล่าน่ะที่พูดมา" แนนเริ่มหวั่น ๆ
"จริง..เขาไม่ค่อยเปิดเผยกันหรอก ว่าเลี้ยงจระเข้เอาไว้ ส่วนใหญ่มารู้อีกทีก็ตอนที่มันหลุดออกมาจากบ่อของมันแล้ว เพราะเจ้าของมักจะกลัวว่าคนข้างเคียง ชาวบ้านรอบ ๆ จะไม่ให้เลี้ยงนะสิ" เพื่อนบอก
"อ้าว..แล้วในเขตภาคกลางที่เป็นฟาร์มจรเข้ใหญ่ ๆ ล่ะเขารู้กันแล้วไม่ใช่เหรอว่ามีจระเข้อยู่น่ะ" แนนสงสัย
"ก็ไม่รู้สิ อาจจะรู้ว่ามีเข้ แต่เขาคงไม่ได้่บอกจำนวนที่แน่ชัด ไม่งั้นชาวบ้านรู้จะตกใจกลัวได้" เพื่อนตอบแบบไม่แน่ใจ
"แต่พอมารู้อีกทีก็ตอนน้ำท่วมใช่ไหม..เขาบอกว่าหลุดออกไปข้างนอก 4 - 5 ตัว แต่จำนวนที่เหลืออยู่ในบ่ออีกเป็นร้อย แล้วแน่ใจได้ยังไงว่าไอ้ที่ยังเหลืออยู่มันจะไม่ออกไปอีก" แนนบ่น
"อย่างนี้ต้องจัดระเบียบการเลี้ยงจระเข้ซะแล้ว" เพื่อนเสริม
"แล้วมันมีกฏหมายอะไรบ้างล่ะที่เกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์พวกนี้ไว้" แนนสงสัย
"เคยได้ยินว่า มี พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ปี พ.ศ 2535 คนที่เลี้ยงจระเข้ต้องขออนุญาติกับกรมประมง ส่วนจระเข้ที่อยู่ในธรรมชาติจะมีกรมป่าไม้เป็นผู้กำกับดูแล แต่ไม่แน่ใจ คงต้องค้นหาข้อมูลอีกที..แล้ว..เธอสนใจจะไปเลี้ยงเข้เหรอ.แนน" เพื่อนตอบพร้อมย้อนถาม
"บ้ารึไง..แก..จระเข้นะ ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงในบ้าน" แนนตอบ
"งั้นก็เลี้ยงไก่สิ แกจะได้เป็นสมภาร" เพื่อนแหย่
" เกี่ยวอะไรด้วยล่ะนี่.." แนนสงสัย
"ก็สมภารจะได้กินไก่วัดน่ะสิ ก็เห็นอยู่เหงา ๆ มาคนเีดียวหลายปีแล้ว หาไม่ได้ ก็เลี้ยงเองซะเลยเพื่อน" เพื่อนหยอกล้อ
"นอกเรื่องแล้วแก.. พอ พอ..ทำงานต่อดีกว่า" แนนบ่นแ้ล้วเบือนหน้าหนีจากเพื่อน ก้มหน้าทำทีเป็นนั่งทำงานต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น