ใจหายครับพี่น้อง เห็นต้นยางพาราข้างบ้านใบร่วงหมดต้นอย่างนี้ก่อนเวลาอันควร ปกติมันต้องร่วงช่วงหน้าแล้งจัดประมาณเดือนเมษาโน่น แต่นี่แค่เดือน ธันวาคมเอง จะไกล้ปีใหม่แล้ว หมดต้นไม่เหลือหรอ ไม่นานมันจะต้องผลิใบใหม่ ช่วงนั้นก็ต้องเว้นการกรีดยางอีก จากนั้นก็ติดแล้งอีก ต่อให้มีใบใหม่แตกออกมาแล้ว แต่หน้าแล้วน้ำยากออกน้อยมาก ขาดรายได้แน่นอน และก็ขาดเป็นช่วงเวลายาวด้วย น่าเห็นใจเพื่อน ๆ ชาวสวนยางจริง ๆ ก่อนนี้ฝนตกน้ำท่วมมาแล้วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน และเดือนธันวาทั้งเดือนอีก รวมแล้ว 2 เืดือนที่เกษตรกรขาดรายได้ สองเดือนถือว่าไม่น้อยเลยนะกับการไม่มีรายได้หลักจากสวนยาง และถือว่ายาวนานมาก พอเอาเข้าจริงพอเริ่มกรีดยางกันได้ช่วงก่อนปีใหม่ไม่กี่วัน ฝนก็ยังตกอยู่ประปราย ต้องมาเตรียมตัวรับมือกับการขาดรายได้ีอีกรอบตอนหน้าแล้งนี้อีก
ใบร่วงก่อนเวลาที่ควรอย่างนี้เป็นเพราะน้ำท่วมขังนานเกินไป เป็นเวลาตั้งสองเดือนที่ฝนตกตลอด นี่เป็นผลมาจากธรรมชาติเปลี่ยนไปจริง ๆ แล้งก็แล้งนานและสุด ๆ พอฝนตกก็ตกจนหนักท่วมหนักขึ้นเรื่อย ๆ รุนแรงขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะมาก เห็นได้ชัดเจนเพียงเวลาไม่กี่ปีเท่านั้นเอง ต่อให้ราคายางพาราในตลาดโลกแพงพุ่งไปสูงขนาดไหน แต่ถ้าเกษตรกรไม่สามารถกรีดยางได้ และน้ำยางที่ได้ออกมาน้อยยังไงรายได้ก็ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพแน่นอน ไหนหนี้สินที่หลายคนได้สร้างเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วด้วย ทั้งผ่อนสินค้า ขยายพื้นที่ปลูก หรือโค่นยางเก่าปลูกยางใหม่ ล้วนมีแต่การลงทุนและเกิดหนี้สินมาทั้งนั้น
เดี๋ยวนี้จะเอาแน่เอานอนกับธรรมชาติไม่ได้เหมือนเก่าอีกต่อไป เกษตรกรต้องหาจังหวะและโอกาสเอาเองแล้วเพื่อจะสามารถเอาตัวรอดได้ เดี๋ยวนี้เท่าที่สังเกตดูพี่น้องชาวสวนยาง วันใดไม่ได้กรีดยางตอนกลางคืน เนื่องจากฝนตก ต้นยางเปียงหน้ายางไม่แห้ง ก็จะหันมากรีดตอนกลางวันแทน แม้จะรู้ว่ากรีดยางกลางวันปริมาณน้ำยางที่ได้จะไม่เท่ากับกรีดตอนกลางคืน ก็ต้องทำเพราะดีกว่าไม่ได้น้ำยางออกมาขายเลย อย่างน้อยได้เงินเลี้ยงครอบครัวได้อยู่ บางครั้งต้นยางเปียกนิดหน่อย ถ้าเป็นแต่ก่อนจะไม่กรีดกันเลย เพราะรู้ว่าต้นยางหน้ายางเปียกเป็นสาเหตุให้เชื้อโรคเชื้อราเข้าไปทำลายต้นยางให้เป็นโรคต่าง ๆ ได้ง่าย แต่ก็ต้องฝืนความรู้สึกขัดกับวิชาการที่ได้รับการส่ิงเสริมกันมา เพราะภาระทางเศรษฐกิจของครอบครัวมันสำคัญกว่า ต้องทำฝืน ๆ จำเป็นทำกันไป เอาตัวรอดไว้ก่อน เพราะนักวิชาการเขาไม่ได้มาแจกเงินให้เราตอนกรีดยางไม่ได้ เขาแค่นำวิชาการมาส่งเสริมเท่านั้นเอง
และเดี๋ยวนี้เกษตรกรชาวสวนบ้านเรารักสบายมากขึ้นเพราะก่อนหน้านี้ราคายางพารามันพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ละวันก็ทำให้ได้เงินกันเยอะขึ้น มียางไม่กี่ไร่ก็ได้เงินรวมทั้งเดือนอาจจะเท่าหรือมากกว่าคนทำงานกินเงินเดือนด้วยซ้ำไป และมีรายได้เพียงพอจะจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้า ผ่อนสินค้ามากขึ้น จึงมองกันว่าอาชีพกรีดยางเป็นอาชีพทำเงินดีอีกอาชีพหนึ่งไปแล้ว ทำให้ไม่สนใจจะไปประกอบอาชีพหรืองานอื่นเสริมสำรองเอาไว้ ตั้งหน้าตั้งตากรีดยางอย่างเดียว พอถึงเวลาที่ยางไม่ให้ผลผลิตจริง ๆ จะพากันเดือดร้อน จะให้เริ่มต้นไปหาอาชีพอื่นมาทำเสริมคงยากขึ้น เพราะจิตใจมันไม่ฝักไฝ่กันแล้ว นี่ล่ะปัญหาเพราะถ้าไม่เปิดใจว่าอาชีพอื่นก็สามารถสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวให้ดีเหมือนกับการกรีดยางได้ก็จะลำบากในภายภาคหน้า แต่ถ้าไม่เกี่ยงงานก็อยู่รอดได้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น