เกิดกระแสวิภาควิจารณ์กันต่าง ๆ นานา หลังจากที่ได้ออกตัวมานิดหน่อย แล้วจู่ ๆ ก็โดนห้ามออกอากาศทางโทรทัศน์อย่างถาวร สำหรับโฆษณา ขอโทษประเทศไทย ในหัวข้อเกี่ยวกับ ปลุกพลังบวก เปลี่ยนประเทศไทย
ที่จริงแนวคิดค่อนข้างดีนะ ที่เอาสภาพความย่ำแย่ ที่คนไทยทุกหมู่เหล่าได้กระทำ ทำให้สังคมไทยเสื่อมลง แต่ไม่ได้หมายความว่าคนส่วนใหญ่เป็นผู้กระทำหรอกนะ แม้จะเป็นเพียงคนไม่กี่คน หรือไม่กี่กลุ่ม ที่ทำความเสื่อมเสีย ในด้านจริยธรรม, สังคม, การเมือง, เรื่องยาเสพติด, อาชญากรรม หรืออีกหลาย ๆ เรื่อง ทำให้คนที่อยู่ในสังคมเกิดความระแวง บางคนถึงขั้นหวาดกลัว ไม่กล้าช่วยเหลือสังคม ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวเมื่อเห็นการกระทำที่ไม่ดีไม่งาม
การขอโทษประเทศไทย ก็เพื่อสื่อให้ทุกคนเห็นว่า เราทำหลาย ๆ อย่างที่ไม่ดีไม่งามให้สังคมไทยเสื่อมลง ย่ำแย่ลง เราควรที่จะหยุดคิด และปรับเปลี่ยนความคิด และการกระทำเพื่อให้สังคมไทยน่าอยู่ น่าชื่นชม อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขมากกว่านี้
แต่บังเอิญว่า ในเนื้อหาของโฆษณาชุดนี้ ขอโทษประเทศไทย ในการปลูกพลังบวก เปลี่ยนประเทศไทย บางส่วนโยงใย อิงกระแสการเมือง หรือผลของความเห็นที่แตกต่างกันทางการเมืองมากไปหน่อย และบังเอิญเอาภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดสด ๆ ร้อน ๆ ที่คนไทยยังมีอารมณ์ขุ่นหมอง ขุ่นใจกันอยู่ มาเป็นภาพสะท้อนในการย่ำยีประเทศไทย นี่แหละคือประะเด็น ถ้าเอาภาพหรือเน้นการกระทำส่วนอื่น ๆ อย่างอาชญากรรม หรือภาพที่ทำผิดจริยธรรม หรือทำผิดกฎหมายอย่างอื่นให้มากกว่าภาพทางการเมือง คิดว่าคงไม่มีปัญหาในการออกอากาศหรอก
เพราะยังไงประเด็นทางการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ และละเอียดอ่อนเป็นอย่างยิ่ง สำหรับคนส่วนใหญ่ในสังคม การแสดงออกทางการเมือง มันเป็นเรื่องของมวลชน ไม่ได้เป็นเรื่องของการกระทำแค่คนคนเดียว เพราะฉะนั้นการสื่อสารอะไรที่มองเห็นภาพการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายจะยิ่งกระตุ้นให้ความขัดแย้งระหว่ากลุ่ม หรือความเคียดแค้นจะมีมากขึ้น เพราะเหมือนมีการตอกย้ำอยู่เรื่อย ๆ
ก็คงให้เป็นการบ้านสำหรับผู้สร้างแม้จะเป็นโปรดิวเซอร์มือทอง และผู้กำกับที่เก่งกาจ แต่การเล่นกับมวลชนเป็นอะไรที่ต้องคิด และทำการบ้านมากถึงมากที่สุดครับ จะเอาอารมณ์ส่วนตัวมาสื่อสารลงในบทบาทในภาพยนต์เืพื่อสังคมอย่างนี้ไม่ได้แน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น